ความเป็นมา
Walmart Inc. หรือชื่อเดิม Wal-Mart Discount City (ที่ใช้ระหว่างปี ค.ศ. 1962-1969) Wal-Mart, Inc. (ค.ศ. 1969-1970) และ Wal-Mart Store Inc. (ค.ศ. 1970-2018) เป็นกิจการที่ริเริ่มขึ้นโดยสองพี่น้อง Sam Walton และ James Walton เริ่มต้นจากกิจการค้าปลีกเล็ก ๆ ในเมืองขนาดเล็กในมลรัฐอาร์คันซอ สหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. 1962 จนเป็นกิจการขนาดใหญ่ข้ามชาติ ที่กระจายอยู่ 27 ประเทศทั่วโลกในปัจจุบัน ที่ประกอบธุรกิจ Hypermarkets or Supercenters, Discount Department Stores, และ Grocery Stores ข้อมูล ณ ตุลาคม ค.ศ. 2022 มีสาขาทั้งสิ้น 10,586 แห่ง มีการจ้างงาน 2,100,000 คน โดยที่ Fortune Global 500 นิยามว่า Walmart เป็นกิจการค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของโลก มีรายได้/ยอดขาย 648.12 พันล้านเหรียญสหรัฐ (รายได้ปี ค.ศ. 2024)
Sam Walton จบการศึกษาจาก University of Missouri เคยเริ่มทำงานกับ J.C Penny อยู่ 18 เดือน ก่อนที่ไปเป็นทหารในช่วงสงครามโลก Sam กับภรรยา (Helen Walton) เริ่มกิจการร้านขายสินค้าแบบ Variety Store ที่ Newport, Arkansas ในปี ค.ศ. 1945 ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีประชากรประมาณ 7,000 คน ด้วยการซื้อแฟรนไชส์ Butler Brother จากร้านที่ชื่อว่า Ben Franklin Store พร้อมกับเช่าที่เปิดร้านโดยสัญญาเช่า 5 ปี ร้านของเขาขายของดีมาก มียอดขายเป็นที่หนึ่งของเครือข่ายแฟรนไชส์ Butler Brother ในมลรัฐ Arkansas (รวมทั้งรัฐใกล้เคียง 6 รัฐ) แม้จะต้องจ่ายค่าเช่าที่แพงมาก (คิดเป็น 5% ของยอดขาย) Sam เรียนรู้ทุกอย่างจากทุกคนรอบข้าง เรียนระบบงานแฟนไชส์ทั้งบัญชีการเงิน รับ/จ่าย บัญชีสินค้า และคู่มือบริหารจาก Butler Brother เรียนรู้เรื่องค้าปลีกจากเอกสารเผยแพร่และคู่แข่ง ซึ่งก็คือ ร้าน Sterling Store ของ John Dunham (เช่น การตั้งราคา การจัดวางสินค้า) เขาใช้เวลาเพียงปีเดียว ก็สามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า Sterling Store ของ John Dunham เขามักจะสรรหาสินค้าต่าง ๆ จากแหล่งผลิตแทนที่จะพึ่งพาการจัดหาโดยเครือข่ายของแฟรนไชส์ อันเป็นที่มาที่ทำให้เขาพบแนวทางการบริหารราคาของสินค้าที่สามารถขายได้ต่ำกว่าท้องตลาด (คู่แข่งขันที่พึ่งพาระบบแฟรนไชส์อย่างเดียว) และเปิดร้านที่สองขึ้นในย่านเดียวกัน ชื่อว่า Eagle Store เพื่อรองรับสินค้าราคาถูกที่ไม่ใช่ตามช่องทางของแฟรนไชส์ และเป็นที่ทดลอง Discount Store และเป็นที่มาของสโลแกนที่ว่า Everyday Low Prices (ไม่ใช่การลดราคาสินค้า หรือจัดเป็นแคมเปญบางช่วงเวลา)
ในปี ค.ศ. 1950 การเผชิญอุปสรรคของ Sam ได้เกิดขึ้นจากการที่เขาไม่สามารถต่อสัญญาเช่าได้ เพราะเจ้าของอาคารขอซื้อกิจการ ทำให้ Sam กับ Helen ต้องย้ายจากเมือง Newport ไปเริ่มตั้งร้านใหม่ที่เมือง Bentonville, Arkansas ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดเล็กมาก มีประชากรเพียง 3,000 คน มีความเป็นชนบทมากกว่า Newport โดยร้านที่เปิดใหม่ชื่อ Walton’s Five and Dime โดยยังคงใช้บริการของ Butler Brother/Ben Franklin Store ปรากฎว่า สินค้าขายดีมาก มีคนใช้บริการที่หลากหลาย รวมทั้งหญิงสูงวัย และต่อมาได้เปิด Walmart เป็น Discount Store สาขาแรกที่เมือง Roger, Arkansas ในปี ค.ศ. 1962
Sam เริ่มขยายงานและเริ่มสรรหามืออาชีพเข้ามาช่วยบริหาร รวมทั้งให้น้องชาย คือ James Walton ที่เข้ามาร่วมงานตั้งแต่กิจการที่เมือง Newport ร่วมบริหารงาน หลักการคัดเลือกผู้บริหารของ Sam คือ ให้ความสำคัญต่อความมุ่งมั่นตั้งใจมากกว่าประสบการณ์ที่ตรงกับสาขานั้น ๆ ด้วยนิสัยที่เป็นคนจดบันทึก และสอบถามข้อมูล อ่านรายงานทุกเรื่อง และตรวจทานการคำนวณข้อมูลตัวเลขด้วยตนเอง ก่อนตัดสินใจ จึงทำให้เขาดูเหมือนเป็นคนจู้จี้จุกจิก แต่สิ่งเหล่านี้เป็นนิสัยเบื้องต้นของนักธุรกิจ/เจ้าของกิจการที่คลุกกับงาน และรู้จักกับงานเป็นเบื้องต้น เมื่อรู้จักลักษณะของงาน จึงเข้าใจความจำเป็นในการใช้คนและการบริหาร รวมทั้งการให้บริการต่อผู้ซื้อ การขยายงานของ Walmart ยังคงรักษาหลักการของการบริการสำหรับเมืองขนาดเล็ก (เมืองที่มีประชากรประมาณ 5,000 คน) โดยที่สาขาของร้านจะอยู่ในรัศมีของการขับรถไม่เกิน 24 ชั่วโมงจากศูนย์กระจายสินค้า ขยายพื้นที่ไปทีละรัฐ ทีละเขต จนกระทั่งเต็มตลาด จาก Arkansas ขยายไป Oklahoma และ Missouri (ตรงกันข้ามกับยุทธศาสตร์ของ Kmart ที่จัดตั้งสาขาให้กระจายไปทั่วประเทศ) นอกจากนั้น ยังให้ความสนใจต่อการนำเอาระบบคอมพิวเตอร์จากระบบของ IBM เข้ามาช่วยกำกับงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบสินค้าคงคลัง สัดส่วนของยอดขายต่อสินค้าคงคลัง ซึ่งเปรียบเสมือนกลไกหลักของการจัดการไหลเวียนสินค้าที่รองรับความต้องการของผู้ซื้อ-ผู้บริโภค
ในห้วงเวลาเดียวกันกับที่ Walmart เปิดสาขาแรกนั้น กิจการ Discount Store ที่มีชื่อเสียงในขณะนั้น คือ Kmart แต่เป็นห้างที่เลือกให้บริการเฉพาะเมืองที่มีประชากรมากกว่า 50,000 คนขึ้นไป หรือ Gibson’s Discount Store ก็เลือกเมือง
ที่มีประชากร 10,000 คนขึ้นไป ปัจจุบัน Kmart มีสาขาให้บริการเพียง 6 สาขา โดยตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา 3 สาขา และ US Virgin Islands ซึ่งเป็นรัฐอาณานิคมของสหรัฐอเมริกา อีก 3 สาขา ในขณะที่ Gibson ได้ปิดกิจการไปแล้วตั้งแต่ ปี ค.ศ. 2003 ตรงกันข้ามกับกิจการของ Sam ที่เริ่มต้นในชื่อ Walmart ในปี ค.ศ. 1962 หลังจากนั้นก็ขยายสาขา 50 สาขาต่อปี และจดทะเบียนหลักทรัพย์ในตลาดเมื่อ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1970
การดำเนินกิจการ
ผลงานของ Sam Walton ที่สร้างธุรกิจ Walmart เป็น 1 ใน 7 วิสาหกิจยักษ์ใหญ่ที่สร้างขึ้นโดยนวัตกรธุรกิจ (Business Innovators) ซึ่งประกอบไปด้วย Andrew Carnegie (ผู้เปลี่ยนชีวิตติดดินไปสู่ชีวิตเศรษฐี) George Eastman
(ผู้สร้างสรรค์ตลาดมวลชน) Henry ford (ผู้สร้างกำไรจากการผลิตขนาดใหญ่) Thomas J. Watson (นักการขายที่มีบทบาทสำคัญของ IBM) Charles Revson (ผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและกิจการโทรทัศน์) Robert Noyce (ผู้บุกเบิกธุรกิจ Semiconducter ที่เป็นหนึ่งริเริ่มสร้างสรรค์กิจการของซิลิคอน วัลเลย์) และ Sam Walton (เจ้าของธุรกิจ Walmart) (Tedlow, 2003) และการสร้างธุรกิจขนาดใหญ่ในกิจการค้าปลีกที่เกิดและขยายตัวจากพื้นที่ภาคชนบทและเมืองเล็กของสหรัฐอเมริกา
สี่ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนความสำเร็จและการเติบโตของ Walmart
(1) Large Sales Volume
ด้วยการที่เป็นห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ทำให้ครอบครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากตามไปด้วยและยิ่งไปกว่านั้น ก็คือ การได้เปรียบในการที่มีข้อมูลฐานสำหรับโมเดลราคาสินค้า ทั้งจากฐานการปฏิบัติการที่กว้างใหญ่ และความหลากหลายรูปแบบของผลิตภัณฑ์ ในจำนวนร้าน/ห้าง 12,000 แห่งทั่วโลก 4,600 แห่ง (38%) อยู่ในสหรัฐอเมริกา คู่ค้าสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบให้ได้มาซึ่งราคาต่ำสุดได้ไม่ยากนัก และเพื่อความสะดวกสำหรับคู่ค้าที่ต้องการเข้าถึงคุณภาพและราคาที่สมเหตุผล Walmart จึงจัดรูปแบบของการบริการออกเป็น 3 แบบ เพื่อมุ่งสนองตอบต่อคน Gen Y และคนชั้นกลาง คือ
(1.1) Supercenters เป็นบริการแบบ one-stop shopping experience and combine a grocery store ที่มีความสด เบเกอรี่ ผลิตภัณฑ์นม เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องแต่งกาย ของเล่นและอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ฯลฯ มีบริการอื่นประกอบด้วย เช่น บริการธนาคาร ร้านตัดผม ร้านทำเล็บ ภัตตาคาร และร้านแว่นตา พร้อมให้บริการแบบตลอด 24 ชั่วโมง
(1.2) Discount Stores เป็นบริการแบบ Walmart ดั้งเดิมที่จัดตั้งขึ้นที่เมือง Roger, Arkansas เป็นร้านที่มีพื้นที่เล็กกว่า Supercenters ใช้พื้นที่ขนาด 106,000 ตารางฟุต จ้างพนักงานประมาณ 200 คน เพื่อบริการอำนวยความสะดวกในการหาสินค้าและสร้างความพึงพอใจสูงสุดสำหรับลูกค้า พร้อมบริการเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องแต่งกาย ของเล่น ของตกแต่งบ้าน สินค้าด้านความสวยงานและสุขภาพ และเครื่องมืออุปกรณ์ ฯลฯ
(1.3) Neighborhood Markets เป็นบริการสำหรับผลิตภัณฑ์ตามความจำเป็นทั่วไปของชุมชน ที่เป็นสินค้าเกี่ยวกับยา ร้านชำและของสด เนื้อ เบเกอรี่ ผลิตภัณฑ์ของใช้ประจำวันและสินค้าทั่วไป ใช้พื้นที่ขนาด 38,000 ตารางฟุต มีพนักงานส่งเสริม-แนะนำ 95 คน
(2) A Highly Efficiency Supply Chain System
Walmart มีคลังหรือศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Centers) จำนวน 150 แห่ง แต่ละแห่งใช้พื้นที่ 1 ล้านตารางฟุต พนักงานประมาณ 600 คนสำหรับขนสินค้า และ 200 คน สำหรับการสนับสนุนเคลื่อนย้าย เป็นกลไกในการจัดการ Supply Chain Management เพื่อบริหารร้านค้า คลับ (Walmart Family and Entrepreneurs ที่กระจายอยู่ในสหรัฐอเมริกา และผู้ขนส่งที่มีรถบรรทุก 6,100 คัน รถแบบหัวลาก 61,000 คัน และคนขับรถ 7,800 คน เพื่อจัดบริการกระจายสินค้ากลุ่มสินค้าทั่วไป ผักอบแห้ง ผักเน่าเสียง่าย และสินค้าพิเศษ มีศูนย์กำกับอุบัติเหตุ 6 แห่งครอบคลุมพื้นที่ของสหรัฐอเมริกา เพื่อสนับสนุนและขนส่งต่อหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น บริการของศูนย์หนึ่ง ๆ จะรับผิดชอบร้านค้า 90-100 ร้านในรัศมี 150 ไมล์ ด้วยระบบการจัดการคลัง-ขนส่ง-รถ-คนขับด้วยตนเองและระบบที่ดีของ Walmart (ลดการขนส่งรถเปล่า/ลดพลังงานเชื้อเพลิง/ส่งมอบสินค้าให้เป็นไปตามแผนงานมากที่สุด) มีการวัดผลประสิทธิภาพในระหว่างปี ค.ศ. 2005-2014 พบว่า เป็นระบบที่มีประสิทธิผลมากถึง 84% ของแผนงาน
(3) Low Operational and Overhead Costs
ค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ต่ำของการบริหารจัดการของ Walmart เป็นผลมาจากการคำนึงถึงเงื่อนไขจากเรื่องต่าง ๆ ตามความเกี่ยวข้องทั้งการได้มาซึ่งสินค้า คุณภาพ ราคา และความเป็นได้ในการแข่งขัน การทำงานของพนักงานที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับค่าจ้าง/ค่าตอบแทน เป็นการบริหารจัดการสถานการณ์ตามความกดดันให้มีต้นทุนที่ต่ำ เป็นผลทำให้ Walmart สามารถจ่ายค่าจ้างต่อคนในอัตราที่สูงโดยยังคงสร้างกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
(4) Use of bargaining power to grab the lowest prices from the suppliers
ยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากรมนุษย์ของ Walmart ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานทางการเงินที่มีความสัมพันธ์ลักษณะของคุณภาพ/ผลิตภาพของงานบริการ ทั้งในขั้นตอนจัดหาสินค้า การกระจายสินค้า และการให้บริการคู่ค้าและลูกค้าในร้านประเภทต่าง ๆ รวมทั้งในระบบตลาดออนไลน์ หรือ E-commerce ที่เปิดให้บริการใหม่ ทำให้ Walmart สามารถต่อรอง-มีอำนาจต่อรองกับ Suppliers ที่จะดำเนินงานให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ว่าด้วย Everyday Low Prices
อนึ่ง เรื่องของ Sam’s Club & Entrepreneurs มีความสำคัญต่อ Brand ของ Walmart มาก เพราะเป็นที่ที่มีกิจกรรมที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำงานของ Walmart กิจการหลักของ Sam Club คือ การดำเนินธุรกิจค้าส่ง (Wholesale) สำหรับสมาชิก 599 ราย กระจายอยู่ใน 45 มลรัฐ มีการจ้างงานพนักงานส่งเสริมการขาย/การตลาด 100,000 คน ในสหรัฐอเมริกา ใช้พื้นที่ประมาณ 134,000 ตารางฟุต ให้บริการผลิตคุณภาพสูง-ร้านขายของชำที่ขายของเป็นแพ็ค/เป็นชุด, สินค้าที่กินได้ (Consumerables) สินค้าทั่วไป บริการเฉพาะอย่าง เช่น ท่องเที่ยว การซื้อขายรถยนต์ ยา แว่นตา การช่วยเหลือการได้ยิน ยางและแบตเตอรี่ และศูนย์บริการสนับสนุนธุรกิจ อันเป็นธุรกิจที่สนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs และกิจการที่เกี่ยวข้องมากกว่า 500,000 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการรายย่อยแบบ Micro-enterprise การริเริ่มธุรกิจใหม่ การบริจาคเพื่อการกุศล การวิจัยและสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้เสีย
นอกจาก การทำหน้าที่เป็นคลังสินค้าและบริการพิเศษสำหรับลูกค้าแบบสมาชิก ที่ต้องการใช้สินค้าเป็นจำนวนมาก แล้วยังมีบริการเป็นชุมชนสำหรับการสื่อสารสำหรับคนทำงานที่ต้องการเทคนิค ทักษะ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น เคล็ดลับการปรับปรุงประสิทธิภาพ บนแพลตฟอร์ม Workplace (Application ในเครือของ Meta-แต่ประกาศยุติการให้บริการในวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 2025)
การจัดสินค้าคู่กันเพื่อโปรโมทลดราคาเป็นพิเศษ เช่น ชีสกับไวน์ รวมทั้งการสร้างวัฒนธรรมร่วมในองค์กร เช่น CEO เข้าไปทักทายแบบ Stream สดในช่องทางการสื่อสารนี้เพื่อลดความเป็นทางการ ของการสื่อสารในองค์กร ฯลฯ
Lesson-learned
(1) มิติของการคิดและการสร้างสรรค์นวัตกรรมสังคม
การสร้างธุรกิจจากการสร้างความแตกต่างจากการแสวงหาสินค้าที่ต้นทุนต่ำ และการจัดการที่เหมาะสมต่อการสร้างความสามารถทางการแข่งขัน อันเป็นการสร้างส่วนผสมของ Business Model ที่ต่างออกไป ในขณะที่คู่แข่งขัน/ผู้ประกอบการค้าปลีกโดยทั่วไปพึ่งพาบริการของคลังสินค้า และระบบแฟรนไชส์ ที่เป็นองค์ประกอบเบื้องต้นของการดำเนินธุรกิจไปตามขนาดของเมือง-เชิงพื้นที่แต่เพียงมิติเดียว จึงทำให้ Walmart สามารถเอาชนะ Kmart และ Gibson ได้
ยิ่งไปกว่านั้น จะเห็นว่า การบริหารคน งาน และลูกค้าของ Walmart ล้วนแต่พัฒนาจากช่องว่างหรือส่วนที่ขาดหายไปของความต้องการ (ให้ความสำคัญต่อคนที่มีความตั้งใจมากกว่าวุฒิบัตรและประสบการณ์ตรงที่มีมาก่อน) แล้วเติมช่องว่างเหล่านั้นให้เต็ม ด้วยการจัดการที่มีประสิทธิภาพและความสามารถในการสร้างกำไร (การออกแบบธุรกิจแต่ละประเภทที่ตอบสนองต่อพื้นที่ที่แตกต่างกัน ทั้ง Supercenters, Discount Store และ Neighborhood Markets)
หากนำเอาปัจจัยที่นำไปสู่การสร้างความสำเร็จ ซึ่งเป็นเรื่องของการแสวงหาสินค้าที่นำไปสู่การกำหนดราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งขัน และการบริหารจัดการคนในองค์กรที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเพิ่มพูนทักษะและความสามารถตามบทเรียนของ Walmart ข้างต้น อันเป็นเรื่องของการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ไปปรับใช้สำหรับวิสาหกิจเพื่อสังคม หรือการประกอบการเพื่อสังคม หรือในกิจการของผลิตภัณฑ์ชุมชน ก็ย่อมจะทำให้การประกอบการเหล่านี้มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ ตามการประยุกต์เรื่องเหล่านี้เป็นกลยุทธ์ของการดำเนินงาน และนำไปสู่โอกาสในการสร้างสรรค์นวัตกรรมสังคมขึ้นได้
(2) มิติของการประกอบการ SMEs
จากการถอดบทเรียนกรณีของ Walmart ที่เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1945 จากกิจการเล็ก ๆ ในเมืองเล็ก ๆ ของมลรัฐที่ค่อนข้างเล็ก ด้วยเป็นรัฐที่มีประชากรในลำดับ 36 จาก 50 มลรัฐของสหรัฐอเมริกา จากกิจการแบบซื้อเฟรนไชส์ในการจำหน่ายสินค้าเพื่ออุปโภคบริโภคจากผู้ค้าส่งรายใหญ่ของ Butler Brother และร้าน Ben Franklin Store เจ้าของสิทธิในค้าขายในเมือง Newport, Arkansas จนกลายเป็นกิจการค้าปลีกลำดับหนึ่งของโลกในปัจจุบัน ที่มีสาขามากถึง 10,771 สาขาครอบคลุมทั้งสหรัฐอเมริกาและอีก 23 ประเทศทั่วโลกย่อมถือได้ว่า Walmart ของ Sam Walton ได้เริ่มธุรกิจนี้ตามวิถีของ SMEs นอกจากนั้น ในเมืองยังมีร้าน Sterling Store ที่ขายสินค้าในลักษณะเดียวกันและอยู่ในเครือข่ายการค้าส่งเดียวกัน (คือ Butler Brother) เป็นคู่แข่งโดยตรง และยังตั้งอยู่อยู่ตรงกันข้ามกับร้านของ Walton (บนถนนสายเดียวกัน) จึงถือได้ว่า Walmart และ Walton เป็นผู้เล่นในระบบตลาดแบบเป็นผู้ท้าชิง (Challenger) ที่ไม่มีความได้เปรียบในแง่ของการเป็นผู้ครอบครองพื้นที่ทางการตลาด ไม่ว่าจะเป็นด้านสถานที่ และเครือข่ายมาก่อน การที่ Walmart สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน (Competitive Advantage) จากการแสวงหาสินค้าที่มีต้นทุนต่ำด้วยกระบวนการจัดหา การสร้างเครือข่ายและความสัมพันธ์ทางการตลาดขึ้นใหม่ให้เป็นของตนเอง (แทนการพึ่งพาห่วงโซ่การค้าส่งของ Butler Brother อันเป็นวิถีของการสร้างความสามารถทางการแข่งขันของตนเองตามวิถีของการประกอบการและเป็นเบื้องหลังของยุทธศาสตร์ Every Day Low Price
การค้นพบส่วนผสมของกระบวนการจัดการที่ทำให้ได้มาซึ่งราคาสินค้าที่สามารถทำราคาขายได้ต่ำกว่าการพึ่งพาจากระบบค้าส่งของเอเย่นต์ค้าส่งของ Walmart และ Walton แท้ที่จริงก็คือ การสร้างส่วนผสมใหม่ของการจัดการทางการตลาดหรือนวัตกรรมการตลาด (Market Innovation) ที่ทำให้การค้าปลีกของ Walmart สามารถขยายตัวและเติบใหญ่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลของผู้ผลิตสินค้าทั้งรายใหญ่และรายเล็กที่กระจายอยู่ตามเมืองต่าง ๆ ยังนำไปเป็นฐานข้อมูลสินค้าที่นำไปสู่การขยายสาขาของ Walmart ไปยังพื้นที่ใกล้เคียง และ/หรือเป็นองค์ประกอบสำคัญอีกมิติหนึ่งของการจัดตั้งสาขา (พิจารณาทั้งด้านความเหมาะสมของความต้องการซื้อ-ผู้บริโภค เช่น ประชากร /ขนาดของเมือง และอีกด้านหนึ่ง ก็เป็นเรื่องของแหล่งผลิตและต้นทุนการขนส่ง/ราคาขายที่เหมาะสม)
เรียบเรียงโดย
ดร.สุนทร คุณชัยมัง
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนานวัตกรรมสังคม วิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
กรกฎาคม 2568
เอกสารอ้างอิง (References)
Amazon. (July 1, 2003). Giants of Enterprise: Seven Business Innovators and the Empires They Built. https://www.amazon.com/Giants-Enterprise-Business-Innovators-Empires/dp/0066620368
Foxnews. (December 7, 2016). Door from Walmart founder’s first store to be donated to the Smithsonian. https://www.foxnews.com/travel/door-from-walmart-founders-first-store-to-be-donated-to-the-smithsonian
Richard S. Tedlow. (2003). Giants of Enterprise: Seven Business Innovators and the Empires They Built. HarperBusiness.
Walmart. (n.d.). Sam’s Club History Timeline. https://corporate.walmart.com/about/samsclub/sams-club-history/timeline
Wikimedia. (June 29, 2008). Walmart logo. https://en.m.wikipedia.org/wiki/File:Walmart_logo.svg
