เกี่ยวกับเรา

Logo             สีเขียว มีรูปลักษณ์เช่นเดียวกับใบไม้ หมายถึง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และความเจริญรุ่งเรือง

Concept      โดยคุณสุขศรี (จี๋) EX-MBA 5

Design         โดยคุณชาญชัย (ช้าง) EX-MBA 9

          สมาคมปริญญาโทสำหรับผู้บริหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (สมาคม EX-MBA KU) ได้ใช้เวลายาวนานและต้องฟันผ่าอุปสรรคมากมายเกือบ 7 ปี ในการก่อตั้ง โดยเริ่มต้นจากการเป็นชมรม EX-MBA KU ด้วยความเห็นที่ตรงกันของทั้งศิษย์เก่าและปัจจุบันขณะนั้นว่า พวกเราจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี ซึ่งล้วนแต่มีศักยภาพในการดำเนินกิจกรรมที่น่าจะเป็นประโยชน์กับทั้งสมาชิกกันเองและส่วนรวมไม่ว่าจะเป็นโครงการฯ มหาวิทยาลัยฯ ตลอดจนสังคมและประเทศชาติ จึงสมควรที่จะมีการจัดตั้งองค์กรในการทำหน้าที่ประสานงานและดำเนินงาน จนกระทั่งเมื่อวันพุธที่ 29 กันยายน 2542 (29/9/1999) การจดทะเบียนสมาคมฯ ได้เสร็จสิ้นขั้นตอนสุดท้ายจากการอนุมัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยความร่วมมืออย่างดียิ่งของท่านอธิการบดี (ศ.ดร.ธีระ สูตบุตร) และสมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ส.มก. โดยนายกฯ ชูชาติ ตันอังสนากุล)

          ในช่วงเวลาต่อมาคณะกรรมการสมาคมฯ ได้กำหนดให้มีการเลือกตั้งแต่พบว่า ข้อบังคับที่ใช้จดทะเบียนแต่แรกมีข้อจำกัดหลายด้าน เช่น วิธีการรับสมัครสมาชิกรุ่นที่จบไปแล้ว วิธีการเลือกตั้งประธานสมาคมฯ เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมและสร้างความแข็งขันให้กับสมาคมฯ เป็นต้น คณะกรรมการจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาและปรับปรุงข้อบังคับให้สอดคล้องกับกาลเวลา จนกระทั่งปลายปี 2543 การแก้ไขข้อบังคับสมาคมฯ จึงแล้วเสร็จอย่างเป็นทางการ คณะกรรมการฯ จึงได้กำหนดให้มีการเลือกตั้งและประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2544 ตามข้อบังคับ

0 +

ประสบการณ์

0 +

นิสิต

ลำดับช่วงสำคัญต่าง ๆ ของชมรมฯ ก่อนจะมาเป็นสมาคมฯ

1. ช่วงเริ่มก่อตั้งชมรมฯ
          จากการประชุมอย่างเป็นทางการร่วมกันครั้งแรกของตัวแทนรุ่นทั้ง 6 รุ่นๆ ละ 3 ท่าน ได้มีข้อตกลงในขณะนั้นว่า ให้ขอยืมเงินจากแต่ละรุ่นจำนวน 30,000 บาทเป็นทุนสำหรับดำเนินงาน (จาก 6 รุ่น ได้ 180,000 บาท) และได้มีข้อสรุปในภายหลังว่าให้เงินยืมจากแต่ละรุ่นนี้เป็นค่าสมาชิกของรุ่น (ปกติจะเก็บคนละ 1000 บาท) ซึ่งเงินยืมดังกล่าวได้ใช้จ่ายไปในเรื่องของเงินเดือนเจ้าหน้าที่เกือบปีเศษ เพื่อจะได้มีผู้จัดการชมรมฯ เนื่องจากสมาชิกและกรรมการทุกท่านล้วนแต่มีงานประจำอยู่แล้ว จากนั้นตัวแทนรุ่นต่างๆ ได้มีการเลือกให้คุณเรืองเกียรติ วาทะพุกกณะ (EX-MBA 3) ได้ทำหน้าที่เป็นประธานชมรมฯ เพื่อเตรียมการร่างข้อบังคับและกำหนดให้มีการเลือกตั้งตามข้อบังคับ โดยให้สมาชิกทุกท่านได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมและการเลือกตั้งให้มากที่สุด 
          ช่วงก่อตั้งชมรมฯ ได้มีการซื้อเครื่องถ่ายเอกสารเพื่อให้บริการกับผู้เรียนในสมัยนั้นโดยทำแบบไม่เอากำไรแต่ให้เลี้ยงตัวเองได้ เพราะเห็นว่าจะเป็นการอำนวยความสะดวกและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชมรมฯ กับผู้ที่กำลังเรียนในสมัยนั้น ต่อมาได้เกิดปัญหาเรื่องการดูแลรักษาและเครื่องขัดข้องบ่อยและจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมจำนวนมากไม่คุ้มค่าในการดำเนินงานต่อ จึงได้มีข้อสรุปให้ขายเครื่องออกไปเพื่อตัดปัญหาต่างๆ 
          ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เงินของชมรมฯ เหลือน้อยมากๆ เนื่องจากยังไม่มีกิจกรรมหารายได้เข้าชมรมฯ ประกอบกับกรรมการชมรมฯ หลายท่านติดภาระ กิจมากๆ ไม่สามารถจะสานงานต่อได้ จึงทำให้มีการตัดสินใจเลิกจ้างเจ้าหน้าที่และตัดรายจ่ายทั้งหมดออกไป แล้วเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบ 2 ปีจากที่เริ่มก่อตั้ง โดยก่อนที่จะผ่านพ้นช่วงนี้ไป ชมรมฯ ก็สามารถออกกฎระเบียบ ข้อบังคับของชมรมฯ ซึ่งได้ใช้เวลาในการพิจารณานานนับหลายเดือน 
          อย่างไรก็ตามชมรมฯ ได้มีการตั้งเป้าหมายตั้งแต่แรกว่า ควรจะเปลี่ยนเป็นสมาคมทันทีหากมีความพร้อมและอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะเห็นว่าการทำกิจกรรมในรูปแบบของชมรมฯ มีขีดจำกัดมากและไม่สามารถขยายงานเพื่อตอบสนองความเจริญเติบโตได้ เนื่องจากชมรมมิใช่นิติบุคคลและมีพลังในการดำเนินงานน้อยกว่าสมาคมมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นเหตุทำให้การก่อตั้งสมาคมฯ เป็นไปด้วยความลำบาก ในระหว่างเริ่มต้นชมรมฯ มีการร่างข้อบังคับชมรมฯ ซึ่งต่อมาก็ได้มีการพัฒนาเป็นข้อบังคับสมาคมฯ เมื่อทำการจัดตั้งเป็นสมาคมฯ 
          คำถามและข้อสงสัยที่มักจะมีการพูดถึงเสมอในช่วงก่อนการตั้งเป็นสมาคมฯ คือ จะซ้ำซ้อนกับ ส.มก. หรือไม่ คำตอบคือ ไม่ซ้ำซ้อนกับ ส.มก.อย่างแน่นอน

    • สมาคมทั้ง 2 มีวัตถุประสงค์และเป้าหมายของสมาชิกทั้งเหมือนกันบางประการและต่างกันบางส่วน จึงไม่เป็นการซ้ำซ้อนกัน
    • กรรมการทั้ง 2 สมาคมได้มีการประสานงานกันโดยตลอดและพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สมาคมทั้ง 2 สามารถร่วมมือกันสร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวมได้อย่างดี บางท่านก็เป็นกรรมการทั้งสมาคม
    • EX-MBA และ ส.มก. กิจกรรมต่างๆ ที่ผ่านมาก็มีการมือกันอย่างดีเสมอมา

          คณะกรรมการสมาคมฯ ได้มีมติให้เก็บเงินค่าสมาชิกสามัญรุ่นที่ 1-12 เป็นเงินรุ่นแทนโดยเก็บรุ่นละ 30,000 บาท (ทั้งนิสิตเก่าและปัจจุบัน) ของสมาคมฯ คนละ 1,000 บาท ก็ได้มีข้อสรุปให้เก็บตั้งแต่รุ่นที่ 1-12 และส่วนรุ่นที่ 13 เป็นต้นไปจะดำเนินตามปกติ

2. ช่วงขณะที่รุ่น 6 กำลังจะจบ รุ่น 7 กำลังเรียนอยู่ และรุ่น 8 กำลังจะเข้ามา
          เป็นช่วงเวลาที่ชมรมฯ มีประธานคนใหม่ คือ คุณธีระศักดิ์ กาญจนศักดิ์ชัย (รุ่น 1) ได้เข้ามาเพื่อช่วยดำเนินภารกิจเร่งด่วน โดยทำหน้าที่ในการแก้ปัญหาด้านการเงินและวางพื้นฐานการดำเนินงานของสมาคมฯ ตลอดจนส่งเสริมการทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และสร้างภาพพจน์ที่ดีของชมรมฯ โครงการฯ และมหาวิทยาลัยฯ เพราะขณะนั้น Executive MBA ของหลายสถาบันจับตามองชมรม EX-MBA K.U. ที่ได้จัดตั้งขึ้นและมีความพยายามจะจัดตั้งเป็นองค์กรขึ้นมาในทำนองเดียวกับของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 

0 +

นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษา

0 +

หลักสูตร

3. ช่วงระหว่าง 3 ปีก่อนจะมาเป็นสมาคมได้สำเร็จ
          กรรมการชมรมฯ ได้พยายามดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่มีโอกาสจะสร้างประโยชน์และชื่อเสียงกับสังคมภายในและภายนอก โดยมีลำดับสำคัญต่างๆ ดังต่อไปนี้

  • งานแข่งมวยป้องกันแชมป์โลก แสน ส.เพลินจิต
              เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม 2538 ช่วงค่ำได้เป็นประวัติศาสตร์ก้าวสำคัญของชมรมฯ ที่เป็นผู้ร่วมจัดงาน ศึกมวยโลกมหากุศล ที่เวทีมวยชั่วคราวหน้าศาลากลางจังหวัดนนทบุรี ตลอดเวลาการแข่งขันได้มีการเผยแพร่ภาพและข่าวสารออกไปทั่วโลก ซึ่งทำให้ชื่อของชมรมฯ ปรากฏต่อสาธารณะชนเป็นครั้งแรก
              งานนี้ชมรมฯ ได้มีข้อตกลงและประกาศแต่ต้นว่า ถ้าหากทุกรุ่นช่วยกันขายบัตรมวยจำนวน 10,000 ใบ โดยแบ่งให้ช่วยกันขายรุ่นละประมาณ 840,000 บาท จะแบ่งเงินเข้าแต่ละรุ่นและชมรมฯ ด้วยอัตราส่วน 40% ต่อ 60% จากยอดขายบัตรของรุ่น ซึ่งขณะนั้นมี 7 รุ่น จะทำให้มีรายได้รวมกว่า 8 ล้านบาท จะเป็นเงินเข้าแต่ละรุ่นประมาณ 3 แสนกว่าบาท และจะได้เงินเข้าชมรมฯ กว่า 3 ล้านบาท จากรายได้ที่คาดการณ์ตามยอดนี้ชมรมฯ จะมอบให้มหาวิทยาลัยฯ 1 ล้านบาท
              แต่เมื่อได้ขายบัตรจริง ปรากฏว่ามีเพียงรุ่นเดียวเท่านั้นที่เหมาหมดตามยอดบัตรที่แจกให้แต่ละรุ่น บางรุ่นก็ขายได้น้อยมากๆ เพียงระดับหลักหมื่นบาทเท่านั้น เงินเข้าชมรมฯ จึงได้เพียงล้านกว่าบาทเท่านั้น จึงทำให้ชมรมฯ ไม่สามารถมอบเงินให้กับทางมหาวิทยาลัยตามที่ประกาศไว้ เนื่องจากชมรมฯ จำเป็นต้องมีเงินเพื่อใช้ทำกิจกรรมและยังไม่มีรายได้อื่น ซึ่งต่อมาในภายหลังชมรมฯ ก็ได้เรียนให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยฯ ในสมัยนั้นได้รับทราบข้อมูลนี้
              งานนี้ชมรมฯ มิต้องใช้เงินลงทุนในการจัดเลย แต่มีรายจ่ายในการจัดงานเลี้ยงงานประชาสัมพันธ์ภายในของ EX-MBA ร่วมกันทุกรุ่นก่อนการแข่งขัน เพื่อประกาศให้ชาว EX-MBA ได้รับทราบเรื่องงานนี้และแจกบัตรให้กับแต่ละรุ่นเพื่อนำไปจำหน่าย ชมรมฯ และแต่ละรุ่นได้ประโยชน์ทางตรงจากการขายบัตรโดยเอาชื่อเข้าไปร่วมเป็นผู้จัดร่วมเท่านั้น ไม่ต้องทำงานใดๆ ในการจัดงานทั้งสิ้น แต่งานที่หนักของชมรมฯ คือ การประสานงานกับทุกๆ รุ่น ส่วนรายได้จากการขายบัตรทั้งหมดก็ไม่ต้องนำไปเกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายในการจัดงาน
              ในวันแข่งขันประธานทุกรุ่นได้ขึ้นเวทีร่วมกันมอบเงินบริจาคเพื่อการกุศลจำนวน 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินของ Sponsor ทั้งสิ้น กิจกรรมนี้เป็นงานใหญ่งานเดียวตั้งแต่นั้นมาที่ทำให้ชมรมฯ มีเงินถึงวันที่จดทะเบียนเป็นสมาคมฯ
  • งานฉลองโครงการฯ ครบรอบ 7 ปี
              ที่ห้องวิภาวดีบอลรูม โรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่า 00 – 22.00 น ของวันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน 2539 ชมรมฯ และโครงการฯ ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงฉลองโครงการฯ ครบรอบ 7 ปี ในงานได้เรียนเชิญท่านอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นปาฐกเรื่อง “จริยธรรมในการบริหารงาน” ชมรมฯ ได้บริจาคเงินให้กับมูลนิธิ UNICEF โดยได้มอบผ่านท่านอานันท์ในงานจำนวน 300,000 บาท
              หลังงานสำเร็จ ได้มีหนังสือพิมพ์หลายฉบับเขียนเกี่ยวกับงานนี้และกระตุ้นให้สังคมรับทราบถึงสิ่งที่ท่านอานันท์ได้บรรยายในงาน แม้ว่างานจะผ่านไปได้อย่างดี ได้สร้างชื่อเสียงให้กับโครงการฯ และมหาวิทยาลัยฯ เพราะแต่ละรุ่นได้เชิญแขกผู้ใหญ่จากวงการต่างๆ และสื่อมวลชนมาร่วมงานจำนวนมาก แต่รายได้จากการขายบัตรและส่วนอื่นๆ ของแต่ละรุ่นที่นำส่งให้กับชมรมฯ ไม่พอกับค่าใช้จ่ายในการจัดงาน เนื่องจากยอดขายบัตรของหลายรุ่นได้น้อยมากและบางรุ่นก็ส่งเงินเข้าชมรมฯ ไม่ครบตามที่ได้ประมาณการและแจ้งไว้ ส่งผลให้เงินชมรมฯ จากงานมวยถูกดึงมาใช้ในงานนี้ด้วย ส่วนรายได้จากการทำหนังสือที่ระลึกครบรอบ 7 ปี เป็นของรุ่น 7 ที่ไม่ได้นำรายได้นี้เข้าชมรมฯ ในขณะนั้นเป็นไปตามข้อตกลงของคณะกรรมการจัดงานแต่แรก
  • วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ
              ไม่มีใครทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความไม่มีเสถียรภาพทางการเงินของประเทศได้เริ่มประทุขึ้นอย่างรุนแรงและชัดเจนเมื่อย่างเข้าปีพ.ศ. 2540 เหตุการณ์ทางการเงินของประเทศมีความเปราะบางมาก มีการโจมตีค่าเงินบาทระรอกใหญ่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2540 และปลายเดือนมิถุนายน 2540 จนกระทั่งวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 เป็นวันที่ประเทศไทยต้องประกาศให้ค่าเงินบาทเปลี่ยนจากระบบตระกล้าเป็นระบบรอยตัวพร้อมกับการเข้าสู่โปรแกรม IMF อย่างสมบูรณ์แบบในเวลาต่อมา ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงที่ EX-MBA รุ่น 8 และ 9 กำลังศึกษาอยู่ในชั้นปีที่ 2 และ 1 ตามลำดับ เป็นที่ทราบกันดีว่า ขณะนั้นประเทศได้เริ่มประสบปัญหาทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย จนได้กลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจทั้งประเทศและภูมิภาคในเวลาต่อมาอย่างไม่คาดฝันมาก่อน
              กรรมการชมรมฯ ได้มีการหารือกันว่าควรจะละเว้นกิจกรรมที่ไม่จำเป็น เนื่องจากประเทศกำลังบอบช้ำอย่างสุดแสนสาหัสและทุกคนกำลังได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อให้แต่ละคนได้ใช้เวลาแก้ปัญหาต่างๆ ของตนเองและไม่ควรดำเนินกิจกรรมที่ไม่เหมาะสมกับสถานะการณ์ของประเทศในขณะนั้น
              ในช่วงนั้นคุณธีระศักดิ์ได้ขอให้มีการเลือกตั้งประธานและกรรมการชมรมใหม่ เพราะเห็นว่าได้ทำงานตามที่ได้ตั้งเป้าไว้บรรลุผลในระดับหนึ่งและผ่านระยะเวลาการดำรงตำแหน่งมานานพอสมควรแล้ว แต่กรรมการได้ขอร้องให้คุณธีระศักดิ์เป็นประธานชมรมฯ ต่อไปจนกว่าสถานะการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นและจัดตั้งเป็นสมาคมให้แล้วเสร็จ เพราะเห็นว่าหากดำเนินการเลือกตั้งในขณะนั้นจะเป็นการผลักภาระให้กับประธานฯ คนใหม่ เนื่องจากทุกคนต่างก็อยู่ในภาวะวิกฤตและมีอีกหลายอย่างที่กรรมการควรจะดำเนินการซึ่งต้องการความต่อเนื่องแต่ยังทำไม่สำเร็จ และคงไม่ง่ายที่จะหาผู้ที่เหมาะสมในภาวะเช่นนั้น จนในที่สุดเวลาก็ได้ผ่านพ้นมาจนกระทั่งปัจจุบันที่ได้ทำการจัดตั้งเป็นสมาคมสำเร็จแล้ว ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ได้มีความพยายามที่จะตั้งเป็นสมาคมฯ หลายครั้งแต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะติดขัดหลายเรื่อง ซึ่งไม่เหมาะที่จะกล่าวในที่นี้ว่าติดขัดด้วยประการใดบ้าง
  • รายการ Money Talk เรื่อง “ลูกหนี้ พบ เจ้าหนี้”
              ในช่วงใกล้สอบปลายเทอมที่ 1 ของรุ่น 9 (ปี 2) และรุ่น 10 (ปี 1) ซึ่งเป็นช่วงที่ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีผู้ที่สามารถชี้นำหรือให้ความเห็นด้านเศรษฐกิจในขณะนั้นได้ชัดเจน ประเทศไทยเองก็ไม่มีประสบการณ์วิกฤตทางเศรษฐกิจเช่นนี้มาก่อน ในระยะนั้นมักจะมีคำพูดบ่อยๆ โดยทั่วไปว่า “ปีนี้เผาหลอก ปีหน้าเผาจริง” เหตุการณ์ด้านเศรษฐกิจดูน่าสับสนอย่างยิ่ง
              ชมรมฯ เล็งเห็นว่า น่าจะจัดสัมมนาที่เป็นประโยชน์และมีบทบาทเป็นองค์กรชี้นำให้กับสังคมฯ ในขณะนั้น ชมรมฯ จึงได้ร่วมกับรายการ Money Talk จัดสัมมนาเรื่อง ” ลูกหนี้พบเจ้าหนี้ ” (เป็นเรื่องที่ได้รับการแนะนำจากคุณสุทธิพงษ์ ศุภนาณิชวงศ์ EX-MBA รุ่น 1) ที่หอประชุมใหญ่ของม.เกษตรศาสตร์ ตรงกับวันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน 2541 เวลา 00-17.00 น. ซึ่งในขณะนั้นเป็นช่วงที่โครงการฯ กำลังปรับปรุงสถานที่และยังไม่แล้วเสร็จตามกำหนด
              รายการนี้ได้แพร่ภาพทางโทรทัศน์ช่อง 11 ตอนที่ 1 ในวันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน 2541 และตอนที่ 2 ในวันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม 2541 ซึ่งได้รับเสียงสะท้อนและคำชมเชยจากสังคมภายนอกเป็นอันมาก เนื่องจากเป็นช่วงที่ภาวะลูกหนี้กับเจ้าหนี้ (โดยเฉพาะกับสถาบันการเงิน) กำลังก่อตัวเป็นปัญหารุนแรงของประเทศ ถือได้ว่าเป็นการพูดและชี้ให้เห็นถึงปัญหาสังคมในประเด็นนี้เป็นรายการแรกๆ ในช่วงเวลานั้น
              งานนี้ทางชมรมฯ เสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่กี่พันบาทเท่านั้น ซึ่งได้ใช้เป็นค่าเช่าหอประชุมฯ และจ้างนิสิตปริญญาตรีช่วยในวันงาน ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้จาก Sponsor ทั้งหมด ไม่ได้มีการขอจากแต่ละรุ่นและไม่ได้มีการจำหน่ายบัตรเลย ผู้ฟังทั้งสมาชิกและบุคคลภายนอกเข้าฟังฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากชมรมฯ ไม่ต้องการจะรบกวนเรื่องเงินทองและไม่ต้องการหารายได้ในขณะภาวะเช่นนั้น เป็นความต้องการที่จะให้กับสังคม จึงมีแต่เพียงการขอร้องให้แต่ละรุ่นช่วยมาร่วมงานกันมากๆ เท่านั้น
  • ปัญหาการเรียนการสอน
              บ่อยครั้งที่ชมรมฯ ได้รับการข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนการสอนและเรื่องต่างๆ จากสมาชิกที่กำลังเรียนเสมอมา ชมรมฯ ซึ่งอยู่ในฐานะศูนย์รวมของสมาชิกและเป็นผลิตผลส่วนหนึ่งของโครงการฯ และมหาวิทยาลัยฯ จึงได้พยายามหลายครั้งในการรวบรวม วิเคราะห์ ปัญหาและหาแนวทางการแก้ไข เพื่อให้เกิดการสะท้อนปัญหาและนำเสนอข้อแนะนำและผลักดันผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งระดับบริหารและดำเนินงานให้เกิดการปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ชมรมฯ ก็ได้พูดคุยกับโครงการฯ เสมอมา ชมรมฯ ถือเป็นหน้าที่และเป็นความจำเป็นที่ต้องทำ เพื่อทำให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้นเพื่อสถาบันของเรา ด้วยความมุ่งมั่นที่อยากจะให้ EX-MBA ของพวกเราทุกคนเป็นที่เชิดหน้าชูตาในสังคม เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่กล้าชี้นำในสิ่งที่ถูกที่ควร และดำเนินกิจการที่เป็นประโยชน์ตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ในการก่อตั้งโครงการฯ ตั้งแต่เริ่มแรก
  • การขอจัดตั้งเป็นสมาคมฯ
              กระบวนการจัดตั้งสมาคมได้เริ่มมีการพูดถึงและดำเนินการอีกครั้งหนึ่งในช่วงก่อนปลายปี 2541 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่รุ่น 11 จะเข้ามาเป็นสมาชิกม.เกษตรศาสตร์ แต่การจดทะเบียนก็ยังต้องใช้เวลาในการดำเนินการอีกเกือบ 1 ปี ด้วยกฎระเบียบและขั้นตอนทางราชการหลายส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนสมาคม แม้ว่าทางมหาวิทยาลัยฯ โดยท่านอธิการ (ศ.ดร.ธีระ สูตะบุตร) จะได้ให้ความอนุเคราะห์ในด้านหนังสืออนุญาตต่างๆ ที่ใช้ในการจดทะเบียนสมาคมฯ เป็นอย่างดีก็ตาม แต่การจดทะเบียนขั้นตอนท้ายๆ ก็ยังติดปัญหาด้านเอกสารอนุญาตในเรื่องสถานที่ที่จะใช้ในการจดทะเบียนจริง
  • ภารกิจลำดับต่อมา
              กรรมการชุดก่อตั้งสมาคมฯ ได้พยายามเร่งดำเนินการสร้างฐานในการดำเนินงานบางส่วนของสมาคมให้เสร็จสิ้นโดยเร็วเพื่อจะช่วยให้สามารถดำเนินกิจการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การก่อตั้งสมาคมฯ โดยได้มีการกำหนดให้มีการเลือกตั้งประธานสมาคมฯ ประจำปี 2544-2546 พร้อมทั้งดำเนินการประชุมใหญ่สามัญในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 ตามข้อกำหนด
              หลังจากที่คณะกรรมการดำเนินการเลือกตั้งได้พิจารณาวิธีปฏิบัติตามข้อบังคับของสมาคมฯ ตามที่ได้รับมอบหมายแล้ว พบว่าข้อบังคับที่จดทะเบียนแต่แรกนั้นไม่เหมาะกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เช่นวิธีการสมัครเป็นสมาชิกรุ่นที่จบแล้วดำเนินการได้ยาก วิธีการเลือกตั้งไม่เหมาะสม เป็นต้น หากทำตามข้อบังคับเดิมจะก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ทั้งนี้เป็นเพราะข้อบังคับที่ใข้จดทะเบียนเป็นข้อบังคับที่เปลี่ยนมาจากข้อบังคับของชมรมฯ ซึ่งเป็นกติกาที่วางไว้ตามความเหมาะสมกับยุคสมัยที่ก่อตั้งเป็นชมรมฯ ไม่เหมาะกับสภาพและสถานการณ์ ตลอดจนลักษณะความเป็นสมาคมฯ
              ดังนั้น คณะกรรมการดำเนินการเลือกตั้งจึงได้เสนอให้มีการพิจารณาและปรับปรุงข้อบังคับที่ควรแก้ไขให้เสร็จสิ้นก่อนจะประกาศการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ จากมติที่ประชุมคณะกรรมการสมาคมฯ จึงได้แต่งตั้งให้คุณอำนวย นาครัชตะอมร (EX-MBA 5) ผู้ซึ่งได้รับใช้ประเทศชาติด้วยความภาคภูมิใจของพวกเราโดยได้รับการคัดเลือกเป็น สสร. (สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ) เป็นประธานการพิจารณาปรับปรุงข้อบังคับสมาคม
              สมาคมฯ ต้องการสร้างความสะดวกและให้ทุกท่านได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมสำคัญเกี่ยวกับการเลือกตั้งได้อย่างเต็มที่ จึงได้แก้ไขวิธีการเลือกให้มี 2 แบบคือ การเลือกตั้งล่วงหน้าและวันประชุมใหญ่สามัญ วิธีการเลือกตั้งล่วงหน้าสามารถทำได้โดยทางไปรษณีย์ หรือ Internet โดยมีวิธีปฏิบัติที่สามารถจะตรวจสอบผู้ออกเสียงด้วยวิธีใดก็ตาม จะต้องเป็นเสียงจริงจากเจ้าของสิทธิเท่านั้น
              ในขณะนี้สมาคมฯ ได้มี Web Site ชื่อ ex-mba-ku.org เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็จะเริ่มให้แต่ละท่านได้พัฒนาข้อมูลทำเนียบของพวกเราโดยร่วมกัน สามารถจะใช้ในการค้นหาข้อมูลได้ เช่น หากต้องการทราบถึงผู้ที่ทำงานในธนาคารแห่งหนึ่ง ก็สามารถจะใส่ข้อมูลและให้ค้นหาข้อมูลทั้งหมดว่ามีใครบ้าง รุ่นใด ทำงานในธนาคารแห่งนั้นหน้าที่อะไร ติดต่อได้อย่างไร เป็นต้น นอกจากนี้ยังจะมีการลงบทความทางวิชาการ ซึ่งในอนาคตจะประสานงานกับโครงการฯ และสถาบันอื่นเพื่อนำข้อมูลทางวิชาการที่น่าสนใจแต่ละวิชาหรือหัวเรื่องมาลงเพื่อเป็นศูนย์ความรู้อีกแห่งหนึ่ง จะเป็นศูนย์กลางในการประกาศหรือแสดงความคิดเห็นที่น่าสนใจทั้งจากสมาชิกและภายนอก จะทำการเชื่อมโยงกับ Web Sites ของมหาวิทยาลัยเด่นๆ ทั่วโลก รวมทั้งจะเป็นแหล่งที่ให้สมาชิกใช้แนะนำหรือโฆษณาสินค้าและบริการของตัวเองผ่าน Home Page ของสมาคมฯ ได้
              กิจกรรมหนึ่งที่จะได้มีการวางแผนและดำเนินการอย่างจริงจังคือ ด้านฝึกอบรมความรู้ทางวิชาการที่น่าสนใจให้กับสมาชิกทั้งกลุ่มที่เรียนจบแล้วและกำลังเรียนอยู่และบุคคลภายนอก เช่น การใช้คอมพิวเตอร์เบื้องต้นสำหรับผู้บริหาร การใช้ Internet สำหรับผู้บริหาร การใช้คอมพิวเตอร์สำหรับ MBA ยุคใหม่ การวิเคราะห์ด้านบัญชีและการเงินบริหารสำหรับผู้บริหาร การใช้โปรแกรมสำเร็จรูปที่น่าสนใจ เรื่องที่น่าสนใจตามสถานการณ์ต่างๆ เป็นต้น ซึ่งแผนงานและการปฏิบัติจะเป็นหน้าที่ของกรรมการชุดใหม่ต่อไป
              สมาคมฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า พวกเราชาว EX-MBA จะได้ร่วมมือร่วมใจกันทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์เพื่อประโยชน์กับพวกเราทุกคนและสังคมต่อไป โดยสมาคมฯ จะต้องเป็นศูนย์กลางในการประสานงานและดำเนินกิจกรรมตามความต้องการของสมาชิก ตรงตามวัตถุประสงค์ในการก่อตั้ง
              หลังจากที่ได้ทีมบริหารสมาคมชุดใหม่แล้ว กรรมการชุดใหม่จะได้มีการนำเสนอแผนงานต่างๆ และขอความร่วมมือจากสมาชิกทุกท่านต่อไปตามนโยบายหาเสียงของท่านที่ได้เป็นประธานสมาคมฯ คนใหม่ตามการเริ่มต้นศตวรรษใหม่

รวบรวมและเรียบเรียงข้อมูลโดย วิกิจ ชัยหาญสวัสดิ์
EX-MBA รุ่น 1
เลขาธิการสมาคม EX-MBA K.U

นายกสมาคมฯ

หมายเหตุจากนายกสมาคมฯ

ในแต่ละปีมีนักศึกษามากกว่า 1,000 คนสำเร็จการศึกษาจากสถาบันของเรา เราเป็นสถาบันอันดับ 1 ของประเทศ และมอบการศึกษาที่มีคุณภาพมานานกว่า 50 ปี ในแต่ละปีมีนักศึกษามากกว่า 1,000 คนสำเร็จการศึกษาจากสถาบันของเรา เราเป็นสถาบันอันดับ 1 ของประเทศ และมอบการศึกษาที่มีคุณภาพมานานกว่า 50 ปี

เราเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำที่นำเสนอโปรแกรมต่างๆ และประกาศนียบัตรการศึกษาระดับสูงที่ออกแบบโดยคำนึงถึงข้อกำหนดระดับโลก

ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา

นายกสมาคมปริญญาโทสำหรับผู้บริหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

สิ่งที่เรานำเสนอ

การส่งมอบประสบการณ์ในการบริหาร

ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เราได้มอบการศึกษาที่มีคุณภาพระดับโลก

กิจกรรมทางสังคม

กิจกรรมในวิทยาลัยเพื่อหล่อหลอมลักษณะทางสังคมและสติปัญญาของนักศึกษา

อาจารย์ที่ได้รับการรับรอง

อาจารย์ผู้สอนที่มีประสบการณ์ยาวนานและมีใบรับรองในระดับสูงสุด

โอกาสการบริหารงาน

นักศึกษาของเราสามารถบริหารงานในบริษัทชั้นนำ

ชุมชนโลก

เรามอบการศึกษาให้กับนักเรียนจากทั่วทุกมุมโลก นักเรียนจากทั่วทุกมุมโลกอยู่ที่นี่

การศึกษาภาคปฏิบัติ

เรียนรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อให้คุณบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า

กิจกรรมเสริม

นักศึกษาของเราสามารถเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ กับบริษัทชั้นนำ

เราโดดเด่นกว่าใคร

คุณสมบัติหลักของเรา

สมาคมของเราเป็นไปตามสำคัญที่มีความสำคัญต่อเราความเชื่อสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ติดตามเทรนด์

หลักสูตรที่สถาบันของเราเปิดสอนนั้นเป็นหนึ่งในหลักสูตรที่ดีที่สุดในโลก ดังนั้นมั่นใจได้เลยและทำให้ความฝันของคุณเป็นจริง

ติดตามเทรนด์

หลักสูตรที่สถาบันของเราเปิดสอนนั้นเป็นหนึ่งในหลักสูตรที่ดีที่สุดในโลก ดังนั้นมั่นใจได้เลยและทำให้ความฝันของคุณเป็นจริง

ติดตามเทรนด์

หลักสูตรที่สถาบันของเราเปิดสอนนั้นเป็นหนึ่งในหลักสูตรที่ดีที่สุดในโลก ดังนั้นมั่นใจได้เลยและทำให้ความฝันของคุณเป็นจริง

ผู้บริหาร

คณะผู้บริหาร

สมาคมฯ ของเรายึดมั่นตามหลักการสำคัญ ซึ่งช่วยให้เราบรรลุสิ่งที่เราเป็นในปัจจุบัน

ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา

นายกสมาคมฯ

กฤษณ์ สุจเร

อุปนายกสมาคมฯ

สิทธิพล ภู่สมบุญ

อุปนายกสมาคมฯ

วรพันธ์ โลกิตสถาพร

อุปนายกสมาคมฯ